บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2015

ทำไมต้องมีทอง

ทำไมต้องมีทอง ทองคำเป็นธาตุพิเศษที่ไม่ทำปฏิกิริยากับโลหะอื่นๆโดยง่ายในสภาวะปกติ และมีความสวยงามมากกว่าโลหะชนิดอื่น ขึ้นรูปได้ง่าย เราจึงใช้โลหะชนิดนี้มาเป็นเครื่องประดับในรูปแบบต่างๆ และเครื่องตกแต่งสถาปัตยกรรม นอกจากที่จะเป็นของประดับแล้ว ทองคำยังเคยเป็นเงิน (currency) สากลก่อนที่โลกจะใช้เงินดอลลาร์สหรัฐมาเป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยน และทองคำยังสามารถที่จะใช้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศได้ด้วย สำหรับนักลงทุนรายบุคคลแล้ว ทองคำมีประโยชน์ในแง่ใดบ้าง 1.ราคาทองคำ (ในอดีต) มักมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหุ้น ตราสารหนี้ และอัตราดอกเบี้ย ในเวลาที่เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ ราคาทองคำมักจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น การลงทุนในทองคำขึ้นกับภาวะทางเศรษฐกิจของโลก ไม่ใช่เศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่ง เราจึงพบว่า ในประเทศที่ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยทางเศรษฐกิจและสังคมเพียงพอ ประชาชนในประเทศนั้นมักจะถือสินทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์หรือทองคำ ดังนั้น เราสามารถใช้ทองคำเป็นเครื่องมือในการพักเงินในยามที่เศรษฐกิจผันผวนได้ 2.การถือทองคำจริง (ไม่ใช่กองทุนทอง) จะเหมือนกับการถือสกุลเงินต่างประเทศ

การลงทุนในทางเลือกอื่น

การลงทุนในทางเลือกอื่น การลงทุนไม่ได้มีความหมายเฉพาะการฝากเงิน การซื้อพันธบัตร หรือการลงทุนในหลักทรัพย์เท่านั้น แต่ยังมีขอบเขตไปจนถึงการครอบครองสินทรัพย์จริงๆที่จับต้องได้ เช่น บ้าน คอนโด ที่ดิน ทองคำ พระเครื่อง วัตถุโบราณ ฯลฯ สาเหตุที่เราอาจจะต้องรู้เกี่ยวกับการลงทุนในทางเลือกอื่นๆไว้บ้าง เพราะในบางช่วงเวลา การลงทุนในหลักทรัพย์ทางการเงิน (financial asset) อาจให้ผลตอบแทนที่เป็นลบ เมื่อเทียบกับการลงทุนในทางเลือกอื่นๆ การลงทุนในทางเลือกที่หลากหลายขึ้น จึงอาจมีไว้ใช้เป็นตัวเลือกในการกระจายความเสี่ยง และกระจายอรรถประโยชน์อื่น นอกเหนือไปจากประโยชน์ในทางการเงิน เช่นการได้ใช้อยู่อาศัย การเป็นเครื่องประดับ คุณค่าทางจิตใจ ฯลฯ ข้อควรระมัดระวังก่อนที่เราจะทำการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆที่จับต้องได้จริง (real asset) หากเดิมเราคุ้นเคยกับการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินก็คือ 1.ความรู้เฉพาะด้านของสิ่งที่จะไปซื้อนั้นๆโดยตรง  อย่าปักใจเชื่อว่าอะไรๆที่เราซื้อจะมีมูลค่าเพิ่มตามเวลาเสมอ ยิ่งเป็นสินทรัพย์จริง ยิ่งต้องทำการวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ยิ่งต้องลงในรายละเอียด การลงทุนในสินทรัพย์จ

To be "The Star"

To be "The Star" ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยได้ดูทีวี ชอบค้นหาข้อมูลข่าวสารผ่านอินเตอร์เน็ต และไม่ค่อยได้ดูรายการประเภทบันเทิงไร้สาระอะไรมากนัก  วันหนึ่งมีเพื่อนผมที่ก็เป็นคนมีสาระเหมือนกัน บอกให้ผมไปดูรายการ "เดอะ สตาร์" ผมไม่รู้จักเลยถามไปว่ารายการอะไร ถามไปก็ได้ความว่าเป็นรายการประกวดร้องเพลง (555 ประกวดร้องเพลง) ผมแปลกใจมากที่เพื่อนผู้เอาการเอางานของผมคนนี้แนะนำให้ไปดูรายการ "ประกวดร้องเพลง"  มันบอกกับผมว่า รายการนี้สอนให้มันเห็นความ "มุ่งมั่น" ของผู้คน ที่ต้องการที่จะทำความฝันของตนให้เป็นจริง แววตานั้น ช่างน่าประทับใจนัก ผมยังไม่เชื่อ และยังไม่แสดงความเห็น แต่ผมก็ไปดูตามที่เพื่อนผู้มีสาระของผมแนะนำมา ปีนั้นเป็นปีของ "แก้ม" เดอะสตาร์ ผมคิดว่าในเรื่องความสามารถ เธอไม่ได้เป็นรองใคร แต่เรื่องหน้าตานี่สิ "ใครจะเสียตังไปโหวตให้" แต่แล้ว เดอะสตาร์ ก็คือ เดอะสตาร์ ความสามารถของเธอนั้น "ล้นหลาม" จนสามารถเอาชนะผู้แข่งขันรายอื่นๆไปได้ แม้ว่าจะตัดสินกัน "ด้วยผลโหวต" ผมคิดว่านั่น น่

ลงทุนอย่างไรให้ไม่เสี่ยง

ลงทุนอย่างไรให้ไม่เสี่ยง การลงทุนมีความเสี่ยง ความเสี่ยงจากการลงทุน คือ โอกาส (probability) ที่ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return) จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ผลการลงทุนที่ผิดไปจากที่คาดหวัง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง คือ ทั้งมากกว่าที่คาดหวัง และน้อยกว่าที่คาดหวัง การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง สามระดับใหญ่ๆด้วยกัน คือในระดับเศรษฐกิจมหภาค ระดับกลุ่มอุตสาหกรรม และในระดับจุลภาคหรือตัวบริษัทเอง ถ้าตัวแปรทั้งสามตัวสอดคล้องกันไปในทางบวก การลงทุนนั้นก็มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนในทางบวกกว่าที่คาด  ในทางตรงข้าม ถ้าตัวแปรทั้งสามตัวแปรไปในทางลบ การลงทุนนั้นก็จะกลายไปในทางลบกว่าที่คาด ดังนั้น การลงทุนที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้น จึงควรกระทำก็ต่อเมื่อ ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคดี กลุ่มอุตสาหกรรมนั้นอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโต และตัวบริษัทนั้นเองสามารถทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย ความเสี่ยงในการลงทุนเราสามารถบริหารได้ผ่านการจัดการสามระดับ ระดับแรก คือการเลือก "ผลิตภัณฑ์" ในการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาวะการนั้นๆ ผลิตภัณฑ์ในการลงทุนแต่ละแบบนั้นมีระดับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน ในสภาว

ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งสูงยิ่งต้องมองได้ไกล

ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งสูงยิ่งต้องมองได้ไกล มีคำเปรียบเทียบการประสบความสำเร็จเหมือนการขึ้นไปอยู่บนที่สูง "ยิ่งสูง ก็ยิ่งหนาว" นั้นเป็นความจริงแท้ที่แน่นอน ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ ต้องไม่กลัวที่สูง แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว แล้วเราจะจัดการกับความกลัวที่สูงนี้อย่างไรดี มีผลการวิจัยพบว่า คนเราจะตัดสินใจรอบคอบน้อยลง เมื่อประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความสำเร็จนั้น มาในเวลาที่รวดเร็วหรือไม่คาดคิด ทั้งนี้อาจเพราะมันกระตุ้นอารมณ์มากเกินไป หรือ มันอาจทำให้เกิดความมั่นใจที่มากเกินไป เทรดเดอร์หรือนักลงทุนหลายท่านที่มีขนาดพอร์ทใหญ่ขึ้น อาจประสบปัญหาเช่นนี้ ไม่ว่าตอนที่ขึ้นสูง หรือลงต่ำ ด้วยขนาดการลงทุนที่มาก ใจเราก็มักจะแกว่งตาม ยิ่งเดิมพันเยอะก็ยิ่งตื่นเต้น จนสิ่งที่เคยทำได้ดีเมื่อตอนมีเงินน้อยหายไปหมด เมื่อมีเงินมาก เพื่อลดผลกระทบด้านความสูงที่อาจจะเกิดขึ้น ระบบในการลงทุน (หรือเทรด) ของเรา ควรออกแบบเพื่อให้สามารถลดผลกระทบได้ดังต่อไปนี้ 1.เพิ่มน้อยๆ แต่สม่ำเสมอ เลือกเป้าหมายของผลตอบแทนต่อปีที่ที่ไม่กดดันเรามากจนเกินไป การเพิ่มเพดานบิ

SIRI บันไดสี่ขั้นสู่ความสำเร็จ

SIRI บันไดสี่ขั้นสู่ความสำเร็จ ผมเชื่อว่าไม่มีใครไม่ชอบความสำเร็จ  หรือแม้ว่าบางคนจะไม่คิดถึงขนาดว่า ชีวิตฉันจะต้องประสบความสำเร็จ ก็ไม่อยากที่จะล้มเหลว ความสำเร็จและความล้มเหลวมันอยู่แยกกันคนละขั้ว ดังนั้น การพยายามเดินไปบนเส้นทางของความสำเร็จ อย่างน้อย ก็เป็นการรับประกันอย่างหนึ่งว่า ชีวิตของเราจะได้ห่างไกลจากความล้มเหลว เกริ่นมาซะยาวก็เพื่อที่จะเข้าเรื่อง  ชื่อเรื่องในตอนนี้คิดกันนานมาก เพราะนอกจากที่มันจะต้องเกี่ยวข้องกับขั้นตอนที่จะนำท่านไปสู่ความสำเร็จในชีวิตแล้ว ผมยังอยากที่จะให้มันเป็นคำที่มีความหมายดีๆและจำง่าย สุดท้ายก็มาลงเอยที่คำว่า "SIRI" ซึ่งไม่ใช่ SIRI ผู้ช่วยของ Apple แต่เป็น "สิริ" ในภาษาไทย ที่หมายความถึงความเป็น"สิริมงคล" เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าว่า ตัวอักษรภาษาอังกฤษแต่ละตัวในคำว่า "SIRI" นั้น เป็นตัวย่อของคำใดกันบ้าง ตัวแรก "S" มาจาก Saving ที่แปลว่า "การสะสม" น้องๆหรือใครๆที่ยังไม่ได้ประสบกับความสำเร็จก็อาจจะนึกว่าความสำเร็จนั้นต้องอาศัยโชคช่วย โชคที่ว่านี้อาจจะหมายถึงการได้

Siam Paragon Index (2)

Siam Paragon Index (2) มาต่อกันเลยครับ สำหรับดัชนีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจตัวใหม่ Siam Paragon Index คือดัชนีชี้วัดกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวม ที่อยู่ในเขตเมือง ในระดับกลางถึงบน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวด consumer product, retailing, ภัตตาคาร, ร้านอาหาร, ยังรวมไปถึงหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย, การท่องเที่ยว, อสังหา, สินค้าทางการเงิน, ประกันชีวิต และ การลงทุน ที่แม่นยำและปราศจากการบิดเบือนมากที่สุดตัวหนึ่ง สำหรับหุ้นในภาคการผลิต และสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่สามารถใช้ตัวชี้วัดอันนี้ได้ดี วิธีการ ไปสยามพารากอน กิน เที่ยว ชม ช้อป อย่างที่คุณเคยทำ แล้วทำการสังเกตสิ่งต่างๆต่อไปนี้ 1.จำนวนคนที่ BTS Siam, บริเวณโดยรอบ, และในบริเวณห้าง, สภาพการจราจร ยิ่งมาก ยิ่งดี 2.จำนวนคนในร้านต่างๆ ร้านใดครองใจคนได้มาก คิวจะยาว ให้มองหาว่าเป็นของกิจการในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ อย่างไร เดินให้ครบทุกชั้น ทั้งซุปเปอร์ ร้านอาหาร แบงค์ ช้อป โรงหนัง ฟิตเนส ร้านหนังสือ กาแฟ ว่ามีพลวัตรการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร อะไรดีขึ้น อะไรแย่ลง (พลวัตรสำคัญกว่าข้อมูลรายครั้ง) 3.ซื้อหุ้นที่คิวยาวแม้ในยามที่เศรษฐกิจรวมไม่ดี ราคา

Siam Paragon Index

Siam Paragon Index หากจะกล่าวถึงดัชนีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่นักเศรษฐศาสตร์ใช้เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบายต่างๆ คงจะหนีไม่พ้นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เราคุ้นเคยอย่างเช่น GDP, อัตราการว่างงาน, ดัชนีผู้ผลิต, ดัชนีราคาผู้บริโภค, อัตราเงินเฟ้อ ฯลฯ  จากการที่ผมได้ยินได้ฟังและติดตามข้อมูลเหล่านี้มานานนับสิบปี ทำให้ผมต้องตั้งคำถามกับข้อมูลที่ได้ยินมาเหล่านี้ว่า มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ ของการเก็บรวบรวม วิธีการ กลุ่มประชากรที่ทำการสำรวจ การตีความ และรวมไปถึง การสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อการตัดสินใจในการลงทุน ว่าเราสามารถนำมันไปใช้ได้มากน้อยเพียงใด ปัญหาที่ผมพบอยู่บ่อยๆก็คือว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจเหล่านี้ ไม่สามารถใช้เป็นตัวแปรเพื่อใช้ทำนายอนาคตที่แม่นยำได้เลย หากแต่เป็นตัวยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีตได้ดีมากกว่า มันเหมาะกับการนำค่าตัวเลขเหล่านี้มาอ้างอิงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว มากกว่าที่จะเป็นตัวชี้วัดถึงเหตุการณ์ในอนาคต ตัวอย่างเช่น ตัวเลข GDP ของไทยที่ออกมาต่ำในปีนี้ คือคำอธิบายหรือผลที่เกิดขึ้นจากภาวะชะงักงันทางการเมืองและเศรษฐกิจของเมื่

สามีอยากลาออกมาเล่นหุ้น ภรรยาควรทำอย่างไรดี

สามีอยากลาออกมาเล่นหุ้น ภรรยาควรทำอย่างไรดี ผมเชื่อว่าภรรยาไม่น้อยที่มีสามีเล่นหุ้น ตามธรรมชาติแล้ว ผู้หญิงมักจะอนุรักษ์นิยมกว่าผู้ชายในเรื่องทางการเงิน ดังนั้นการที่สามีจะลาออกจากงานประจำมาเล่นหุ้น ในความรู้สึกของผู้หญิงหลายคน อาจกำลังรู้สึกคล้ายๆว่า สามีฉันกำลังกลายเป็นคนไม่มีงานประจำทำ รายได้ที่เคยมีจะกลับไม่แน่นอน แถมแต่ละวันยังจะไปบ่อนเล่นการพนันออนไลน์อีก ความมั่นคงในชีวิตคงจะป่นปี้แน่ๆ แล้วอนาคตของลูกกับฉันจะเป็นอย่างไร  ในสภาวะตลาดขาขึ้น คนส่วนใหญ่ได้กำไร ผมว่าความคิดนี้ อาจจะอยู่ในใจของสามีหลายๆท่าน งานประจำก็แสนจะน่าเบื่อ เทรดดิ้งซีสเต็มก็มีแล้ว สามสี่ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วหนิว่าระบบเราทำเงินได้ แล้วจะรอช้าอยู่ใย ลาออกมาให้เวลากับครอบครัวและตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ ช้าก่อนครับ ก่อนที่จะพิมพ์จดหมายลาเจ้านายสุดโหดออกมาเป็นไทแก่ตัว ผมมี check list ทางการเงินที่จะมาช่วยให้คุณสามีทราบว่า ท่านมี Free Cash Flow พอแล้วหรือไม่ ท่านสามารถลาออกจากงานประจำได้จริงๆแล้วโดยที่ครอบครัวไม่เดือดร้อนหรือยัง 1.ท่านมีหนี้สินอยู่หรือไม่ ถ้าท่านเสียชีวิตลงกระทันหัน วงเงินคุ้มครองใ

ข้อคิดจาก ริชาร์ด แบรนสัน

ข้อคิดจาก ริชาร์ด แบรนสัน วันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้อ่านหนังสือที่เขียนขึ้นโดยผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จที่สุดเท่าที่ผมรู้จักคนหนึ่ง ชายผู้นี้เป็นเจ้าของ Virgin group ที่มีกิจการกว่า 400 แห่งทั่วโลก เมื่อพูดถึงแบรนด์ Virgin แล้วคงจะเป็นใครไปเสียไม่ได้ ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง "ริชาร์ด แบรนสัน" การลงทุนของผมมีแนวคิดว่า ลงทุนราวกับว่าต้องไปซื้อกิจการนั้นทั้งหมดมาบริหารเอง ดังนั้นก่อนที่จะเข้าไปถือหุ้น (แม้ในส่วนที่น้อยมากๆ) ในบริษัทใด ผมจะมองบริษัทนั้นในลักษณะของผู้ประกอบการว่ามันมีอนาคตหรือไม่ สามารถปรับปรุงแก้ไขสิ่งใดเพื่อเพิ่มมูลค่าของมันได้บ้าง ดังนั้น ความรู้ในการจัดการจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรมี นอกเหนือไปจากความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุน สำหรับคนที่อยากจะก่อตั้งธุรกิจหรือเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ หนังสือเล่มนี้ยิ่งจำเป็นก่อนที่จะเริ่มลงมือ มาฟังคำแนะนำของเขากันเลยครับว่า ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จนั้น มีมุมมองอย่างไรกันบ้าง 1.จงสนุกกับสิ่งที่ทำ และไม่มีเหตุผลที่คุณจะทำอะไรถ้ามันไม่สนุก (เออนะ) 2. "คน คน คน" และ "การลงมือทำ"

Business Eco Systems

Business Eco Systems  วันนี้ผมต้องออกตัวไว้ก่อนว่าเรื่องที่จะเขียนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก ดังนั้นถ้ามันยากเกินไปสำหรับท่านใด ก็ถือซะว่ามีคนส่วนหนึ่งที่กำลังรอบทความแบบที่ยากๆนี้อยู่  ความยากของเรื่องนี้อยู่ที่เราจะต้องมีความเข้าใจต่อศาสตร์ 2อย่าง ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันเลย นั่นก็คือ วิชาชีววิทยา ในหมวดของระบบนิเวศน์วิทยา (Ecology) และวิชาการบริหารธุรกิจ (Business administration) หน้าที่ของผมก็คือทำเรื่องนี้ให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ Ecology คือวิชาที่ศึกษาถึงระบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศน์เดียวกัน ขอยกตัวอย่างระบบนิเวศน์แบบที่ไม่ซับซ้อน เช่นในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง ที่มีเสือกินวัว และมีวัวกินหญ้า เราจะเรียกว่าระบบนิเวศน์อย่างง่ายนี้ว่า มีหญ้าเป็นผู้ผลิต มีวัวเป็นผู้บริโภคอันดับที่หนึ่ง มีเสือเป็นผู้บริโภคอันดับที่สอง เป็นต้น ในระบบนิเวศน์นี้ ถ้าหญ้าเจริญงอกงามดี วัวก็จะอ้วนขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น และเสือก็จะอ้วนขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น ทั้งนี้เพราะมีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น.... ในทางธุรกิจก็มีเรื่องคล