Asset Rich/ Asset Light

Asset Rich/ Asset Light

วันนี้เราเปลี่ยนมาคุยเรื่องยากๆกันบ้างดีกว่า เรื่องยากๆในวันนี้คือเรื่องความแตกต่างระหว่าง business models 2 แบบ คือแบบ Asset Rich และแบบ Asset Light

Asset ในที่นี้หมายถึง Total Asset ของบริษัท ซึ่งประกอบด้วยสองส่วนคือ สินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ถาวร

Current Assets + Fixed Assets = Total Assets

Business models สองแบบนี้ต่างกันตรงที่ เมื่อได้กำไรกลับมาแล้ว เงินกำไรเหล่านั้นได้ถูกจัดการอย่างไร

ใน Asset Rich Model เงินกำไรจะถูกนำไปลงทุนต่อใน Fixed Asset ไม่ได้ปล่อยออกมาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น
ในขณะที่ Asset Light Model เงินกำไรจะถูกนำมาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น ส่วนการขยายงานจะทำในรูปการเพิ่ม Current Asset หรือ Financial Asset แทน

ผลกระทบต่อ Business Model ทั้งสองแบบนี้ ต่อฐานะทางการเงินและอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทจะต่างกันออกไป

ข้อดีของ Asset Rich Model คือ
1.บริษัทมีความมั่งคั่งที่สะสมอยู่ในรูปสินทรัพย์ถาวรเป็นจำนวนมากกว่า
2.บริษัทสามารถหักค่าเสื่อมราคาได้มากกว่า ซึ่งจะทำให้กำไรทางบัญชีลดลง แต่ก็จ่ายภาษีและเงินปันผลลดลงด้วย จึงสามารถเก็บความมั่งคั่งไว้ภายในบริษัทได้มากกว่า
3.หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน บริษัทสามารถใช้ฐานทรัพย์สินที่มีอยู่นั้น เปลี่ยนเป็นเงินสด เพื่อเสริมสภาพคล่องได้
ข้อเสียของ Asset Rich Model คือ
1.สภาพคล่องบริษัทลดลงเพราะสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไปอยู่ในสินทรัพย์ถาวร
2.จ่ายปันผลน้อย เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
3.ขยายงานได้ช้ากว่า ถ้าต้องการขยายงานอย่างรวดเร็ว อาจจำเป็นต้องกู้เงินระยะยาว หรือ เพิ่มทุน
4.ค่าความมีประสิทธิภาพต่างๆจะลดลง เช่น  ROA, ROE, Asset Turn Over, D/E ratio

Asset Light Model
ข้อดีคือ
1.รับรู้กำไรทางบัญชีได้มากกว่า เพราะมีค่าเสื่อมราคาที่ลดลง  Earning สูงกว่า ตลาดจะยอมจ่ายในค่า PE ที่สูงกว่า
2.สามารถจ่ายปันผลได้สูงกว่า เพราะไม่ต้องลงทุนขนาดใหญ่บ่อยครั้ง
3.เพิ่มยอดขายได้รวดเร็วกว่า โตเร็วกว่า
ข้อเสีย
1.จ่ายภาษีจากกำไรสุทธิที่สูงกว่า
2.ธุรกิจจะต้องมีประสิทธิภาพสูงตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะรักษาความมั่งคั่งไว้ไม่ได้
3.มูลค่ากิจการจะแปรผันจากความสามารถในการทำกำไรเพียงอย่างเดียว ถ้าบริษัทเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการซื้อ มูลค่าของบริษัทจะลดลงอย่างมาก อาจถึงขั้นล้มละลายได้

ดังนั้นจึงไม่มีข้อสรุปตายตัวว่า  Business Model ใดดีกว่ากัน การจะใช้ Model นั้น ผมคิดว่า น่าจะขึ้นอยู่กับระยะการเติบโตของบริษัท ในยามที่การเจริญเติบโตทำได้ยาก เศรษฐกิจฝืดเคือง กิจการควรเก็บความมั่งคั่งไว้ภายในก่อน เมื่อเข้าสู่ในระยะขยายตัว ก็จะสามารถใช้ความมั่งคั่งที่สะสมไว้ ช่วยในการขยายตัวอย่างรวดเร็วได้

ลองทำการบ้านกันดูครับว่าแต่ละบริษัทที่เรารู้จัก บริษัทนี้ใช้ Asset Rich หรือ Asset Light Model?



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)