ลงทุนอย่างนักปีนเขา



ความเข้าใจพื้นฐานหากต้องการที่จะร่ำรวย คือการใช้ชีวิตอยู่กับสมการ

ความมั่งคั่ง = ทำงาน + เก็บออม + ลงทุน

ในตอนแรกๆ แน่นอน ในการสร้างชีวิต ฐานะ และครอบครัว มันย่อมจะต้องเป็นเช่นนั้น 

ไม่มีใครที่จะไปถึงยอดเขา โดยไม่เริ่มจากตีนเขา กลางเขา จนไปถึงยอดเขา

การทำงาน เก็บออม และลงทุน จึงเป็นรากฐานเบื้องต้นของความร่ำรวย ที่จะต่อยอดจากตัวฐานอันนี้ขึ้นไป

หากเราลองมองดูชีวิตของตนเอง และของผู้อื่นรอบๆตัวเรา เราก็จะพบความจริงที่ว่าชีวิตของคนเรานั้นเริ่มต้นในจุดที่ต่างกัน ไม่มีใคร "เลือกเกิดได้” 

จุดเริ่มต้นในการปีนเขา หรือการเริ่มของชีวิตเราในแต่ละคนนั้นจึง "ไม่เหมือนกัน"

แต่ที่เหมือนกันคือ "ยิ่งภูเขานั้นปีนยาก" หากทำสำเร็จ "เราก็จะยิ่งภาคภูมิใจ

เหมือนยอดเขา "ยิ่งยาก คนก็ยิ่งอยากปีน ยิ่งปีนสำเร็จก็จะยิ่งภาคภูมิใจ" ว่างั้นเถอะ...

หลายคนอาจจะเคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีเพียบพร้อม

ปัญหาเรื่องการเงิน เรื่องการงาน เรื่องความสัมพันธ์ของคนที่บ้าน และสุขภาพของแต่ละคน แต่ละครอบครัว

ถ้าชีวิตคุณตั้งต้นปีนเขามาจากที่ๆห่างไกลมาก ในวันหนึ่งเมื่อคุณประสบความสำเร็จ ยืนอยู่บนยอดเขาแล้ว มันย่อมจะกลายเป็นตำนาน แน่นอน มากกว่าคนที่เช่าเฮลิคอบเตอร์พาบินขึ้นไปสู่ยอดเขา และความภาคภูมิใจเช่นนี้ จะไม่ปรากฏอยู่ในชีวิตลูกเศรษฐี หรือคนที่ใช้ทางลัด ที่เกิดมาปุ๊บ ก็ได้อยู่บนยอดเขาตั้งแต่แรก หรือคนที่รวยง่ายเกินไป

ถ้าคนที่เกิดมาพร้อมเลยทุกสิ่ง แล้วอยากได้ประสบการณ์ชีวิตบ้าง ในทางตรงข้าม เขาก็ต้องเลือกที่จะลงจากยอดเขามาอยู่ที่พื้นราบ ทำให้ชีวิตง่ายลง หรือ เลือกที่จะอยู่บนยอดเขาอย่างเดิม อย่างซังกะตาย อย่างคนหวาดกลัว แต่สบายเหมือนเดิม

คนที่รวยลัด ก็ไม่มีเนื้อหาอะไรในชีวิต ที่มาจากสมองและความสามารถของตนเองให้เขียนลงไป เขาจึงจำเป็นต้องใช้เงินซื้อเรื่องราวและสิ่งดีๆในชีวิตในชีวิต จนเงินนั้นอาจหมดไปในที่สุด เหมือนมีทุกสิ่ง แต่ท่ามกลางชีวิตที่กลวงโบ๋

ดังนั้นแม้เลือกเกิดไม่ได้ การได้เกิดเป็นลูกคนจนก็พอที่จะเห็นข้อดีอยู่บ้าง เพราะดูแล้วกราฟชีวิตนั้นคงมีแต่จะทรงๆหรือถ้าพยายามหน่อยก็ขึ้น คงจะลงอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้แล้ว เว้นแต่ใครจะเลือกอยู่ที่ตีนเขาอย่างเดิม อย่างซังกะตายเช่นกัน ไม่ยอมลองที่จะปีนเขาขึ้นไปหาประสบการณ์ใหม่ๆดูบ้าง เปลี่ยนจากอะไรเดิมๆที่เคยชิน ไปสู่ที่ๆสูงขึ้นไป

มีความลับอย่างหนึ่งที่ทราบกันอยู่ในเฉพาะหมู่คนที่เป็นนักไต่เขา และผมคิดว่ามันเอามาใช้กับคนอีกหลายคนได้ 

"ความสำเร็จของนักปีนเขาไม่ได้อยู่แค่ที่การปีนขึ้นไปให้ถึงยอดเขา" เท่านั้น

ความสำเร็จของเขานั้นยังอยู่ที่การเลือกเส้นทางที่ใช้ และวิธีการในการปีนขึ้นไปด้วย

เพราะอย่างไรก็ถึงเหมือนกัน แต่ประสบการณ์ที่ได้นั้นจะต่างกันโม้ได้ไม่เท่ากัน

ผมเคยมีประสบการณ์เดินไป Everest base camp ในอดีต และได้เคยพูดคุยกับผู้คนที่ต้องการที่จะพิชิตยอดเขา

ทุกคนพูดเหมือนกันว่า ขอให้ได้ลอง "จะเดินไปถึงหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

หลายคน พลาดมาสองหรือสามครั้งแล้ว แต่เขาหลงไหลในประสบการณ์การปีนเขา มากกว่าการขึ้นไปบนยอดเขา ผมทายได้เลยว่าในอนาคต เขาจะต้องทำมันสำเร็จได้อย่างแน่นอน

ส่วนคนที่เคยถึงยอดแล้ว ตรงกันข้าม เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ ความท้าทายในชีวิตได้หมดลงไปแล้ว

คนที่ชอบในกระบวนการของมัน และมีความสุขในการทำมันในแต่ละวัน ยิ่งจะประสบความสำเร็จและไม่ท้อ แม้ว่ามันยังไปไม่ถึง หรืออยู่อีกไกลก็ตาม

"เพราะว่ามันยังไปไม่ถึง ชีวิตจึงยังคงมีเป้าหมาย"

หลายท่านที่เป็นนักลงทุนอาจจะรีบร้อนรวย จึงใช้เครื่องมือทางการเงิน หรือหวังใช้ทางลัดในการเพิ่มผลตอบแทน

การทำเช่นนั้น แม้ท่านจะเดินได้ถึงยอดเขาก่อนคนอื่น แต่บนยอดเขานั้นมันหนาวครับ 

"มันอยู่ได้ไม่นาน"

ลองค่อยๆเดินขึ้น ชมวิวไปพลาง พูดคุยกับคนที่เดินสวนกันไปมาพลางๆ สร้างเรื่องราวในชีวิตและมิตรภาพในด้านอื่นบ้าง

เพราะสุดท้าย ทุกคนก็ต้องกลับมานอนที่บ้าน ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนยอดเขา

ผมหวังว่าเรื่องราวของนักปีนเขาในตอนนี้ คงจะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจถึงวิธีคิดในการประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ และในการประสบความสำเร็จในฐานะนักลงทุนได้


ยังไงก็ขอให้ทุกท่านสนุกกับการปีนเขาครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)