ทำไมกูเกิ้ลหรือเฟสบุ๊คจึงรวยมากกก


เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมคนที่ปล่อยให้เราใช้ของฟรี จึงรวยมากกกกก มากจนติดอันดับโลก

ทั้งเฟสบุ๊ค กูเกิ้ล หรือ ไลน์

ผมเชื่ออย่างแน่นอนว่า ถ้าบริการเหล่านี้ให้บริการแบบคิดเงินแล้วละก็ การเปลี่ยนผ่านคงจะไม่ง่าย และบริษัทก็คงจะไม่รวยขนาดนี้

เดี๋ยวนี้มีวิชาเศรษฐศาสตร์สาขาใหม่ที่ว่าด้วย "ของฟรี" (free economy)

ผมคิดว่า free economy ยังไม่มีสอนในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และผมก็ไม่เชี่ยวชาญพอที่จะถ่ายทอด รู้แค่เพียงว่า ใครล่ะที่จะไม่ชอบของฟรี

ในกฏทางเศรษฐศาสตร์ดั้งเดิม เราเชื่อเรื่อง "There is no free lunch" โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี

แต่เดี๋ยวนี้ ไม่ฟรีนี่ ไม่เอาก่อนนะ

ของฟรี จริงๆแล้วนั้นไม่ฟรีหรอก เพราะผู้ประกอบการเขาก็มีต้นทุนกันทั้งนั้น 

ที่เสนอแบบฟรีได้เพราะ คนใช้งาน กับคนจ่าย เป็นคนละคนกัน แค่นั้น

รักษาพยาบาลฟรี รัฐจ่าย

บินฟรี คนจองช้าจ่าย

ดูฟรี คนซื้อโฆษณาจ่าย

บ้านฟรี คนเช่าจ่าย....ฯลฯ

มี business model แบบนี้กันอยู่ด้วยนะ อย่าลืมไป

ทีวีดิจิตอลที่ป่วยกันอยู่จนจะไปไม่ไหวกันในทุกวันนี้ เพราะว่าคนแก่ๆที่บริหารองค์กรใหม่ๆแห่งนี้อยู่ ไม่เข้าใจเรื่อง "ของฟรี

กว่าจะได้คูปอง กว่าจะขับรถไปเอา กว่าจะติดตั้งเสร็จ......เพลียมากกกกก ผมไม่เอาด้วยหรอก

เปิดแอร์ดูยูทูปอยู่ที่บ้านดีกว่า ไวไฟพร้อม เน็ตพร้อม ไอแพดพร้อม เครื่องเสียงพร้อมแล้ว สบายกว่ากันเยอะ

คนที่มาทีหลัง อย่าฟรุ้งฟริ้งมาก มันน่ารำคาญ

จากการสำรวจตลาดหญิงวัยทำงาน เกี่ยวกับพฤติกรรมการดูละคร น่าสนใจมาก เพราะเธอเหล่านั้น ไม่แคร์ช่องทางในการรับชม

ย้ำ "ไม่แคร์ช่องทางการรับชม"

ไม่ว่ามันจะเคลื่อนที่มาทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ 

ขอให้เธอได้ชม ในเวลาที่อยากชม เธอก็พอใจละ ที่เหลือ เธอเก็บไปมโนต่อได้

แบบนี้สัมปทานดิจิตอลทีวีท่าทางจะไปยาก เพราะคนจ่ายสัมปทานไม่รู้จะเอาใครมาจ่ายแทน เธอหนีไปดูละครย้อนหลังกันหมด

เจ๊ติ๋มคิดได้ก่อน สบายตัวไปก่อน ส่วนคนคิดออกทีหลังก็สบายทีหลัง

ตอนนี้มีดิจิตอลทีวีช่องใหม่ HD anywhere anytime 

ไม่มีค่าสัมปทาน ไม่มีค่าจุกจิกรายเดือน ไม่มีใต้โต๊ะ จ่ายเฉพาะเท่าที่คนมาดู ถ้ายิ่งไม่มีใครมาดูแบบช่องเจ๊ติ๋ม ก็ยิ่งสบาย

คอนเท้นท์คุณดี แต่ไม่มีใครดู ยูทูปช่วยคุณได้

คอนเท้นท์คุณไม่ดี ไปบังคับให้เขาดู เดิมทีวีเคยช่วยคุณไว้ แต่วันนี้ เขาช่วยคุณไม่ได้แล้วนะครับ

ผู้ประกอบการสื่อหลายรายวันนี้ เขาเริ่มเข้าใจเรื่องนี้ หลังจากที่เด็กมัธยมเข้าใจมันมาก่อน 

(น่าอายเนอะ)

เหลือแต่ว่าใครจะยอมรับความจริงว่าโลกเราได้เปลี่ยนไปแล้ว มากแค่ไหน 

เด็กๆและสาวๆเขาไม่เอาด้วยแล้ว เหลือแต่คุณลุงคุณป้า ที่ยังนิยมเฝ้าหน้าจอ

ขายประกันชีวิตอาวุโสโอเคได้อย่างเดียวเลยครับ โฆษณาอย่างอื่นเปลืองงบ

จะทำให้ดิจิตอลทีวีเกิดได้ ต้องทำลายระบบการสื่อสารทิ้งทั้งหมดครับ เหลือแต่ทีวีเครื่องเดียว 


กล้าพอไหม รวยกันเลยนะที่นี้...อิอิ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)