เคล็ดลับทำการลงทุนให้อร่อย


วันนี้เรามาเรียนเรื่องการลงทุนแบบเบาๆกันดีกว่า 

บทเรียนในวันนี้คือ "เคล็ดลับการทำการลงทุนให้อร่อย"

การทำการลงทุนให้อร่อยนั้น มีความคล้ายกับการลงมือทำอาหาร เรามาดูกันว่า สูตรเด็ด หรือเคล็ดลับ ในการทำอาหารและการลงทุนให้อร่อยนั้นมีอย่างไรบ้าง

80% ของความอร่อยของอาหารนั้นมาจาก "วัตถุดิบ"

ถ้าวัตถุดิบอร่อยและคุณภาพดีมาก เราแทบจะไม่จะไม่ต้องปรุงหรือแต่งรสชาติใดๆเลย แค่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จัดลงจาน ก็เสริฟได้ แพงกว่าเอาไปปรุงเสียอีก

การลงทุนในหุ้นเกรดเอนั้น เราแทบไม่ต้องทำไรมาก 

ไปตลาด ซื้อ เอาเข้าตู้เย็น ค่อยๆเอาออกมากินเวลาหิว

ความยากของการลงทุนในหุ้นเกรดเอคือ ราคาหุ้นจะแพงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดเสมอ ดังนั้น วันเวลาที่จะไปจ่ายตลาดจึงสำคัญ เราควรไปซื้อในช่วงที่มีเทศกาล "ลดราคา" อย่าไปซื้อตอนหน้า "ไฮซีซั่น" เด็ดขาด

ในหน้าโลว์ ไม่หนาวไปก็ฝนตก คนเลยไม่ออกมาแย่งเราซื้อ ดังนั้น อย่ากระบิดกระบวยในเวลายากลำบากเหล่านี้ รีบแต่งตัวออกจากบ้าน อย่ารอให้ฝนหยุด อากาศดี ไม่มีทางที่แม่ค้าจะยอมลดราคากับหุ้นเกรดเอ

ถ้าวัตถุดิบเป็นเกรดรองลงมา การปรุงและการแต่งรสชาติจะมีความสำคัญมากขึ้น 

ถ้าเราไปจ่ายตลาดได้ดี เลือกวัตถุดิบเก่ง ราคาเหมาะสม ชีวิตก็สบายไป 80% แต่ถ้าเลือกมาผิด หรือตั้งใจเลือกบริษัทเกรดรองลงมา คุณจะต้องมีทักษะการปรุงอาหารเพิ่มเติม

การปรุงอาหาร คือการเลือกว่าจะให้ความร้อนกับอาหารโดยวิธีใด และเป็นเวลานานเท่าใด

พูดง่ายๆคือ จะเลือกตัวเร่งปฏิกิริยา แบบใด และต้องใช้เวลารอเท่าใด

การปรุงอาหารนั้นยาก และต้องอาศัยประสบการณ์สูง เราจะต้องมองออกตั้งแต่แรกว่า เราจะเอาเนื้อเกรดบีนี้มาทำอะไร เราปรุงให้อร่อยได้มั้ย 

เราต้องมองออกให้ทะลุไปจนไปเป็นอาหารตั้งแต่ก่อนซื้อ ไม่ใช่ซื้อตามแรงเชียร์ของพ่อค้าแม่ค้า กะว่า เอามาตั้งไว้ที่บ้าน แล้วเดี๋ยวเมียจะเอาไปทำให้อร่อยเอง พอเมียทำให้ไม่อร่อยก็โทษเมียอีก ไม่ยอมโทษตัวเองที่หยิบอะไรก็ไม่รู้มา

เพราะหุ้นเกรดบีนั้น ไม่อร่อยด้วยตัวมันเอง จำเป็นต้องมีสภาวะที่เหมาะสมเท่านั้น

การปรุงนั้นนอกจากความร้อนแล้ว เราต้องกำหนดเวลาว่าจะปิดฝาไปนานเท่าใดจึงจะสุก 

คนทำครัวที่ไม่ชำนาญจะดูออกกันตรงนี้ คือชอบเปิดฝาดูบ่อยๆว่ามันสุกดีแล้วหรือไม่ กลัวทั้งดิบ กลัวทั้งไหม้ เพราะยังไม่มีประสบการณ์ เหมือนนักลงทุนมือใหม่ เฝ้าดูพอร์ทลุ้นกันทุกวัน บางทีก็รีบยกลง บางทีก็สุกไหม้ เพราะไม่ได้วางแผนไว้ทุกอย่าง หรือมั่นใจในตัวเองในการวิเคราะห์ไปตั้งแต่ตอนซื้อ 

หุ้นบางตัวสามเดือนสุก หกเดือนสุก หนึ่งปีสุก ต้มอย่างไรก็ไม่สุก (เน่าแล้ว) หรือเป็นแบบต้มซุป ยิ่งเปื่อยยิ่งดี อันนี้ก็ต้องมองให้ออกกันตั้งแต่แรก และก็ต้องมียืดหยุ่นกันบ้าง ตามสถานการณ์

เรื่องการทำอย่างไรให้พอดีนั้น การเปิดหนังสือสอนการทำอาหารไม่สามารถบอกได้ ต้องนำมาปรับชิมด้วยตนเอง จนได้สูตรคงที่ การลงทุนก็ไม่สามารถอ่านหนังสือจบแล้วทำได้เลย ต้องลองลงมือทำและชิมดู

ครั้งแรกๆก็อย่าเอาที่มันยากมาก ไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่ดาวได้ก็พอ สามสี่ปีต่อมาแล้วค่อย Advance ทำไข่ยางมะตูม ทาร์ตไข่ พุดดิ้ง

การลงทุนให้อร่อยนั้น เคล็ดลับอยู่ที่วัตถุดิบ การปรุง และสุดท้าย การแต่งรสชาติ

ของอร่อยนั้นมีสี่แบบ เราว่าอร่อยเขาก็ว่าอร่อย เราว่าอร่อยแต่เขาว่าไม่อร่อย เราว่าไม่อร่อยแต่เขว่าอร่อย และเราว่าไม่อร่อยเขาก็ว่าไม่อร่อย 

ตอนซื้อนั้นไม่สำคัญ เพราะเป็นเรื่องของเรา จะซื้อหุ้นอะไร กี่หุ้น ราคาเท่าไหร่ เราเลือกได้

แต่เวลาขาย เราต้องดูให้เหมาะกับความนิยมในช่วงนั้น ให้คนซื้ออร่อยด้วย ไม่ใช่เราอร่อยอยู่คนเดียว 

ใครจะมาจ่ายตังให้ล่ะ ถ้าแม่ค้าอร่อยอยู่คนเดียว จริงมะ

มีช่วงหนึ่ง คนชอบหุ้นพลังงานมาก บอกว่าน้ำมันกำลังจะหมดโลกแล้ว.... เราก็จัดหุ้นพลังงานให้เขาไป

ช่วงหนึ่ง คนชอบหุ้นค้าปลีกมาก บอกว่าเศรษฐกิจในประเทศไม่กระทบแน่.... เราก็จัดหุ้นค้าปลีกให้เขาไป

ช่วงนี้ คนชอบหุ้นพลังงานทดแทนมากกก (จะทดแทนอะไรกันนักหนา พลังงานหลักมันยังตั้งกองอยู่เลย).... เราก็จัดหุ้นพลังงานทดแทน

ให้เขาปายยยย

ที่ผ่านมา คนชอบหุ้นเล็กกันมากกก ไม่ต้องกลัวฝรั่งทิ้ง.... เราก็จัดหุ้นเล็กให้เขาปายยย

หน้าร้อนก็ซื้อร่มไว้ขายหน้าฝน หน้าฝนก็ซื้อเสื้อหนาวไว้ขายหน้าหนาว

เซียนก็คือคนที่มองออกว่า อะไรกำลังจะมา 

ฝน ร้อน หรือหนาว แล้วเตรียมตัวไว้

ส่วนเม่า พอฝนมาถึงได้รู้ว่าจะต้องออกไปซื้อร่มมาใช้ แล้วก็บ่น "ไม่เห็นมีใครเตือนเลย"

จากประสบการณ์ พวกเซียนเขาพอจะทราบว่าอะไรกำลังมา แต่เมื่อบอกเม่ารอบข้าง เขาดูท้องฟ้าแล้วบอกว่าฟ้ายังสว่างอยู่เลย

ใครก็รู้ว่าตอนนี้ฟ้าสว่าง คุณไม่ได้ตังค์จากความสามารถนี้หรอกนะ

ฟ้าสว่างแล้ว อะไรจะตามมา คุณน่าจะได้ตังค์จากอะไรคำถามอะไรอย่างนี้มากกว่า

ดังนั้น การมองให้ทะลุ ข้ามช้อต จึงเป็นความสามารถทำเงิน และทำอย่างไร "เม่าก็ทำไม่ได้" ไม่ว่า 1ปี 5ปี หรือ 10ปี

การเป็นนักลงทุนก็เหมือนการทำครัว

"ไม่ใช่ทุกคนจะเกิดมาทำอาหารได้อร่อย"

ดังนั้นเราควรทำสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดให้ดี ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องมาเป็นนักลงทุน หรือนานๆไปเดี๋ยวก็เก่งเอง

กระบวนการตั้งแต่จ่ายตลาด หั่นปรุง แต่งรสชาติ ใช้ได้กับทุกงาน ในทุกอาชีพ

แต่ถ้าใครรู้ว่า แววเซียนมันเริ่มมาสถิตร่างแล้ว (ช่วงนี้เซียนเยอะมว้ากกกก)


ขอให้โชคดีครับเซียน 

จัดไปเด็มที่กันได้เลยครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)