ทำไงจึงจะรักการอ่าน



การอ่านช่วยให้การลงทุนประสบความสำเร็จ เพราะในการประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น “เราจะต้องเห็น ก่อนที่คนอื่นจะเห็น” และ “ซื้อ ก่อนที่คนอื่นจะเห็น” การเห็น ในสิ่งที่คนอื่นยังไม่เห็น มีคำที่ใช้เรียกสิ่งนี้ว่า “วิสัยทัศน์” และวิสัยทัศน์นั้น มีสิ่งสำคัญที่จะสร้างมันขึ้นมาได้ก็คือ “การอ่าน” และ “การฟัง”

ผมไม่แน่ใจว่าทำไมผมจึงชอบการอ่าน อาจเป็นเพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์ไม่ชอบมันก็ได้ครับ ดังนั้นผมจึงไม่เคยรู้ว่า การไม่ชอบการอ่านนั้นเป็นอย่างไร การตอบคำถามนี้จึงต้องอาศัยการคาดการณ์อยู่เหมือนกันว่าอะไรที่อาจจะเป็นสาเหตุได้บ้าง อาจจะดูเหมือนเล่าเรื่องส่วนตัว แต่ผมคิดว่าดีกว่าจะตอบเป็นคำตอบทางวิชาการครับ

อย่างแรก ที่บ้านผมไม่มีทีวีดู จนกระทั่งผมมีอายุได้ 7ขวบแล้ว
ที่ผมจำเรื่องนี้ได้ดี เพราะสมัยนั้นมีหนังสามมิติมาฉายบนทีวีแล้วก็ต้องซื้อแว่นตาสามมิติมาดูกัน แล้วผมต้องไปอาศัยดูที่บ้านคนอื่น ที่บ้านไม่มีทีวีครับ มาทราบภายหลังว่าทีวีสมัยนั้นยังแพง บ้านก็อยู่ไกล คลื่นมาไม่ถึง ดังนั้นตั้งแต่เด็กมา ผมไม่มีทางเลือกรับข่าวสารอื่นใด นอกจากการอ่าน และการฟังผู้ใหญ่พูด

อย่างที่สอง ที่บ้านก็ไม่มีของเล่น
ผมว่าเด็กทุกคน น่าจะจำของเล่นได้ ถ้าชีวิตมีมันอยู่ไม่กี่ชิ้น ผมถึงขั้นจำของเล่นได้ทุกชิ้นเลยทีเดียว เมื่อไม่มีของเล่นให้เล่นมาแย่งเวลา ไม่รู้จะทำไรดี ก็เหลือแต่การอ่านหนังสือสิครับ หนังสือเด็ก การ์ตูนที่บ้านก็ไม่มีอีก พ่อแม่ไม่ได้ซื้อให้ ดังนั้นตั้งแต่เด็ก ผมก็อ่านหนังสือของผู้ใหญ่ตลอดครับ เช่น หนังสือหลักจิตวิทยา นี่ก็อ่านมาตั้งแต่ ป.2 หลักวิธีพิจารณาความอาญา นี่ก็อ่านมาตั้งแต่ ป4 ผมมักจะพูดกับเด็กวัยเดียวกันหรือเพื่อนผมไม่ค่อยรู้เรื่องครับ เพราะเรื่องที่ผมสงสัยมักจะเป็นเรื่องที่มาจากการอ่านหนังสือของผู้ใหญ่ ผมจึงชอบไปพูดกับผู้ใหญ่ เช่นครู หรือ พ่อแม่ มากกว่า ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเลยครับว่าผลการเรียนจะเป็นอย่างไร เพราะผมเคยอ่านแม้กระทั่ง คู่มือการสอนของครู ว่าครูควรจะสอนและสอบเด็กอย่างไรด้วยซ้ำ 

อย่างที่สาม อ่านเพราะสงสัย ไม่เคยถูกบังคับ
ผมไม่เคยถูกบังคับให้อ่านหนังสือ ดังนั้นจึงไม่เคยมีความฝังใจว่า การอ่านคือการถูกลงโทษ ผมชอบไปห้องสมุดแล้วก็ไปยืมหนังสือมาอ่าน เพื่อที่จะได้มีตราปั๊มยืมคืนยาวๆในบัตรห้องสมุดให้คุ้มค่าบริการ แล้วก็ชอบหนังสือภาพเป็นพิเศษ เพราะสมัยนั้นแพงมาก และการอ่านหนังสือภาพสนุกกว่าการอ่านหนังสือที่มีแต่ตัวอักษร สงสัยเรื่องอะไรก็ไปหยิบเรื่องนั้นมาอ่าน พออ่านเรื่องอะไรมาแล้ว ก็มาเล่าให้แม่ฟัง ซึ่งแม่ผมก็ชอบฟัง ไม่เคยเถียง ไม่เคยเบื่อ ทำให้อ่านแล้วก็สนุก ไม่ว่าเรื่องนั้น จะออกข้อสอบหรือไม่ก็ตาม ลองคิดดูนะครับ ถ้าวันๆเราไม่มีเวลาฟังลูกของเราเลย แล้วเขาจะอ่านหนังสือไปเล่าให้ใครฟังล่ะครับ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ คือตั้งคำถามก่อน แล้วก็ค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเอง ยิ่งมี google wikipedia แล้วผมก็สบายขึ้นเยอะเลยครับ

อย่างที่สี่ อ่านเพราะรู้แล้วว่า ไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
ตั้งแต่เด็ก ผมก็รู้แล้วว่า ไม่มีมรดกรออยู่แล้วแน่ๆ เส้นสายก็ไม่มี ร่างกายก็ไม่แข็งแรงกว่าคนอื่น ดังนั้น หากอยากจะมีอนาคตที่ดีขึ้น จะต้องขยันเรียน สอบให้ได้คะแนนดี และมีงานที่ดีทำเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

อย่างสุดท้าย พ่อแม่สนับสนุน
แม้ว่าเราจะต้องประหยัดค่าใช้จ่ายนู้นนี่นั่น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยประหยัดเลย คือค่าหนังสือของผม หนังสือเป็นภาระเพียงอย่างเดียวเวลาจะย้ายบ้าน ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น พ่อแม่ก็ใช้เวลาว่างอ่านหนังสือครับ ทำให้ผมเกรงใจถ้าต้องทำตัวแย่ๆ

ทุกวันนี้ เวลามีคนถามว่าทำยังไงจะให้เด็กชอบอ่านหนังสือ ผมก็จะใช้ประสบการณ์ของตัวเองตอบไปดังนี้ครับ

1.ให้หนังสือเป็นทางเลือกที่ง่ายและใกล้ตัวเด็กเสมอ เมื่อเทียบกับทางเลือกอื่นๆ เช่นเกม หรือทีวี 
2.ไม่ควรคิดแทนเด็กว่าควรอ่านหรือไม่ควรอ่านอะไร ให้เด็กเลือกเองครับ
3.เด็กอ่านด้วยความสุข ไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ ขู่ หรือลงโทษ ความสุขจะทำให้สมองทำงานได้ดี ในขณะที่อ่าน
4.กระตุ้นให้เด็กอ่านด้วยคำถาม ให้เด็กสงสัยและไปหาคำตอบด้วยตนเอง และรับฟังโดยไม่ตัดสินในความเห็นของเขา ปล่อยให้เขาสร้างจินตนาการโดยอิสระ อย่ายัดเยียดค่านิยมของผู้ใหญ่ให้เด็กเร็วเกินไป คุณอาจจะผิดอยู่ก็ได้
5.พ่อแม่ก็ต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ตัวเองดูละครแต่จะให้ลูกอ่านหนังสือ แล้วบอกว่าจะได้อนาคตดีกว่าพ่อแม่ การอ่านหนังสือพร้อมๆกันทั้งบ้าน เป็นภาพที่น่ารักมากนะครับ
6.ให้เขาทราบตั้งแต่เล็กว่า การอ่านจะนำเขาไปสู่อนาคตที่ดี ไม่ใช่เส้นสาย การโกง หรือ ทรัพย์สินเงินทอง และพ่อแม่ก็ต้องทำตามที่สอนด้วย


ผมหวังว่าประสบการณ์ตรงของผมคงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)