ความเหมือนกันระหว่าง Investor กับ Trader



วันนี้ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ของ Trader ที่ประสบความสำเร็จ (ขอไม่บอกชื่อหนังสือแล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าเชียร์)

บทสัมภาษณ์นั้นน่าสนใจมาก เพราะผมนั้นไม่เคยคิดว่า Investor และ Trader จะมีอะไรที่คล้ายๆกันมากขนาดนี้ ความแตกต่างระหว่าง Investor กับ Trader นั้น “ชัดเจน” ในสายตาของผม ดังนั้น เมื่อผมอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมจึงได้ทราบว่า “กฏ” หลายอย่างของ “ผู้ชนะ” ในการลงทุนไม่ว่าจะเป็นวิธีใดนั้น “คล้ายกัน”

ผมขอจะหยิบมาเขียนแค่บางส่วน เป็นน้ำจิ้มของหนังสือที่หนาถึง 511 หน้า ที่มีสาระเข้มข้นทุกบรรทัด

สิ่งแรกที่ควรจำคือ “อย่าฝืนตลาด”

สำหรับ Trader นั้น ต้องเขียนไปแตะบนหน้าผาก หรือติดไว้หน้าจอเลยว่า “อย่าฝืนตลาด” ตลาดหุ้น ไม่ใช่ที่ๆแสดงผลลัพธ์ของราคาหุ้นตามหลักเหตุผลหรือความถูกต้อง หรือความคิดของเรา ถ้าคุณไม่เคารพการตัดสินของตลาด คุณจะถูก “ทำลายทิ้ง” อย่างรวดเร็ว สำหรับนักลงทุน เราก็ต้องเคารพตลาด แต่ตลาดของนักลงทุนจะหมายถึง อุปสงค์ของสินค้าหรือบริการที่บริษัทเราผลิต ถ้าตลาดของสิ่งนั้นยังไปได้ดี การลงทุนของเราก็จะไปได้ดีเช่นกัน

กฏข้อต่อมา คือ ก่อนการลงทุนวางแผนไว้อย่างไร เมื่อเวลาผ่านไปให้ยึดมั่นตามแผนการนั้นๆ

สำหรับ Trader นั้นชัดเจน นี่คือกฏที่มักถูกฝ่าฝืนมากที่สุด คือ ไม่ cut loss หรือ take profit ตามที่คิดไว้แต่แรก ปล่อยให้ความเสียหายมากเกินเยียวยา สำหรับ Investor การถือยาวนั้นทำได้แค่ “เมื่อกิจการของเรานั้นยังดีอยู่” ถ้ากิจการเริ่มจะไม่ดีแล้วยังลังเล ก็จะเหมือน Trader ที่ไม่ยอม Cut loss ทั้ง Investor และ Trader ต้องทำเหมือนกันคือ Entry และ Exit point ต้องกำหนดของเราไว้แต่แรก และไม่ใช่ที่จุดต่ำสุด หรือสูงสุด ซึ่งตลาดเป็นคนกำหนด

กฏข้อที่สาม ราคาหุ้นอาจไม่ได้กลับมาที่เดิมอีกเลย

เรื่องนี้เป็นการตอกย้ำอีกเช่นกันถึงความสำคัญของการ Cut loss สำหรับ Investor ราคาหุ้นสำคัญน้อยกว่าคุณภาพของกิจการ ดังนั้น ถ้าคิดว่าคุณภาพกิจการจะไม่สามารถกลับมาดีเหมือนเก่าได้อีกแล้ว ต้องขายหุ้นออกไปทุกราคาเช่นเดียวกัน

กฏข้อที่สี่ ระบบทุกระบบแม้ว่าจะทำกำไรได้ดีอย่างไรก็ตามในอดีต จะใช้ได้กำไรดี เมื่อมีคนใช้น้อย และจะได้กำไรน้อย (side way) เมื่อมีคนใช้มาก

ผมไม่อยากพูดถึงระบบของ Trader ในกรณีนี้ เพราะไม่ถนัด แต่สำหรับ Value Investor การลงทุนในหุ้น VI บางตัวที่มีคนเข้ามาถือมากหรือรู้จักดีแล้ว เช่น CPALL ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีมากนัก ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าการลงทุนใด ที่มีคนเห็นด้วยกับคุณมาก เตรียมใจได้กำไรน้อยไว้เลย

กฏข้อสุดท้าย (วันนี้ขอแค่นี้ก่อน) ความแน่นอน ต้องมาก่อนเสมอ

สำหรับวีไอ นี่เป็นกฏทองของเราอยู่แล้ว คือซื้อกิจการที่พิสูจน์ว่าดีแล้ว ในราคาลด ไม่ทายกระแสเงินสดในอนาคตจากโครงการใหม่ๆที่ยังไม่มีความแน่นอน สำหรับ Trader กฏข้อนี้หมายถึง “ไม่ซื้อที่จุดต่ำสุด” แต่ให้เข้าซื้อ ขาย เมื่อ “มีการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น หรือลง ที่ชัดเจนแล้ว”

เอาล่ะครับ เขียนกันไปพอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อน ถ้าทำข้อไหนยังไม่ได้ ผมขอแค่ข้อเดียวก่อนครับ

“อย่าพยายามซื้อให้ได้ที่จุดต่ำสุด” และ “อย่าพยายามขายให้ได้ที่จุดสูงสุด”

ข้อนี้ข้อเดียว ก็ยากมากแล้วครับ ที่จะทำใจ

เวลาซื้อแล้วหุ้นลงต่อ หรือเวลาขายแล้วหุ้นขึ้นต่อ

ถ้าสุดท้ายแล้วมันได้กำไร

"คุณทำถูกแล้วครับ"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)