พฤติกรรมการสร้างราคาหุ้น



บทความนี้เขียนให้ technical อ่านครับ แต่วีไอก็อ่านได้ เม่าก็อ่านดี

ก่อนอื่นผมต้องขอเรียนท่านผู้อ่านว่า บทความนี้ขัดแย้งกับความเชื่อที่มีอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน ค่อนข้างจะเข้าใจยาก แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่ามันมีจริง ความยากอยู่ในขั้น advance

บทความนี้ท้าทายความเชื่อเดิมที่ว่า “ราคาคือผลรวมของทุกสิ่ง” และ “การเคลื่อนไหวราคาในอดีตสามารถทำนายความเป็นไปได้ของราคาในอนาคต” ซึ่งเป็นปรัชญาอันสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ทำไมเราจึงไม่สามารถเชื่อถือการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในอดีตเพื่อใช้ทำนายผลในอนาคตได้ สำหรับผม ราคาหุ้นทุกขณะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาชั่วคราว ถ้ามองในแง่บวก ผมก็จะเรียกราคาหุ้นว่าเป็นเพียง หน้าต่างของโอกาส (Window of opportunity) เท่านั้น

ก่อนที่จะเริ่มอธิบายเรื่องนี้ ผมอยากจะปูพื้นฐานแนวคิดของการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นก่อน 

1.ราคาหุ้นเกิดขึ้นได้เฉพาะเมื่อเกิดการจับคู่ (Matched) ระหว่างคำสั่งที่จะซื้อกับหุ้นที่วางไว้ในฝั่ง offer หรือเมื่อคำสั่งที่จะขายกับหุ้นที่วางอยู่ในฝั่ง bid เท่านั้น ราคาหุ้นในแต่ละขณะนั้นไม่เกี่ยวกับราคาที่เหมาะสมของหุ้นแต่อย่างใดเลย (แม้ว่าจะมีคนเชื่ออย่างนั้นมากก็ตาม) ราคาหุ้นในแต่ละขณะเป็นเรื่องของความพอใจ ไม่ใช่ความถูกต้อง

2.เมื่อมีการจับคู่ขึ้นแล้วเท่านั้น เราจึงจะเห็น demand หรือ supply ในแต่ละวัน (สัปดาห์ หรือเดือน) หากคำสั่งไม่ถูกจับคู่ จะไม่มีการบันทึกสิ่งใดเหลือไว้เป็นหลักฐาน เราจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า potential demand หรือ potential supply (ที่ยังไม่ถูกจับคู่) ได้เลย ดังนั้นผมคิดว่ากราฟเทคนิคนั้นไม่ใช่ตัวพยากรณ์อนาคตอันไกลที่ดี แต่น่าเป็นแค่ตัวแสดงปัจจุบันและอนาคตอันใกล้มากๆ (นาที ชั่วโมง) ที่ดีเท่านั้น นั่นเป็นเหตุให้นัก technical ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอรายชั่วโมง และต้องทำการวิเคราะห์กันใหม่หมดทุกครั้งหลังการปิดการซื้อขายทุกวัน ซึ่งมีข้อมูลการ Matched ใหม่ล่าสุดออกมา ซึ่งถ้าเป็นผม ผมจะเลือกใช้ robot trading system ที่ผม set เงื่อนไขเอาไว้ดีกว่า แล้วผมเอาเวลาไปเที่ยวไกลๆแทนที่จะต้องมาเฝ้าหน้าจอทุกวัน ซึ่งผมคิดว่ามันจะล้ามาก จนสมองอาจจะเบลอในเวลาสำคัญได้

3.สัญญาณที่ตรวจพบนั้นไม่ได้ถูกต้องทุกครั้ง มี noise มากกว่า trend มากๆ ดังนั้นเราจึงไม่ควรด่วนสรุป ไม่ควรซื้อขายตามสิ่งที่เห็นรายวันมากไป trend นั้นไม่ใช่ที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ trend ใหญ่ๆนั้นอาจจะเกิดขึ้นแค่ 10ปีละครั้ง trader หรือ investor ที่แย่ๆส่วนใหญ่คือคนที่ panic ไปตาม noise, ไม่เกาะไปตาม trend, ทายถูกแต่ไม่ชัวร์จึงลงเดิมพันน้อยเกินไป ใครที่ลงทุนใหญ่ๆ 2-3ปีครั้ง คือคนที่ผมสงสัยไว้ก่อนว่าเขาเป็นตัวจริง

4.จากข้อเท็จจริงข้างต้นนี้ทำให้หุ้นที่มี bid หรือ offer ไม่เพียงพอ (หุ้นที่มีสภาพคล่องน้อย และ หุ้นที่มี free float น้อย) ไม่สามารถแสดง demand และ supply ของหุ้นบริษัทในแต่ละช่วงราคาได้ดีนัก การสร้างราคาหุ้นให้ต่ำเกินจริง หรือสูงเกินจริง ก็ทำไปได้ง่าย (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าปั่นหรือทุบได้ง่าย) ดังนั้น trader จึงควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อยๆอย่างที่สุด จนกว่าสถานการณ์ด้านสภาพคล่องจะดีขึ้นแล้ว คำแนะนำนี้ไม่ได้ใช้ได้เฉพาะหุ้นรายตัวเท่านั้น หาก SET index เริ่มมีปริมาณการซื้อขายน้อยลง trader ควรหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ตลาดในระยะเวลานี้เช่นกัน ตรงกันข้ามกับวีไอครับ ผมชอบตลาดหุ้นช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย และหุ้นดีที่มีสภาพคล่องน้อย มากกว่า (ทางใครทางมัน)

5.หุ้นที่มีกองทุนรวมถืออยู่ในสัดส่วนที่สูง กองทุนรวมจะมีแรงจูงใจที่จะไม่ปล่อยให้ราคาหุ้นต่ำหรือสูงกว่าพื้นฐานของหุ้นไปมากๆ ทั้งเพื่อความถูกต้องในแง่วิชาการและเพื่อความมีเสถียรภาพของ NAV พูดง่ายๆคือราคาหุ้นสามารถสวิงไปกว่าราคาพื้นฐานที่เขาได้วิเคราะห์ไว้ได้ต่ำ ดังนั้น “เจ้า” และ “เม่า” ควรพยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่กองทุนถืออยู่เป็นจำนวนมากครับ ถ้าอยากจะมีพฤติกรรมการสร้างราคาหุ้น

หุ้นที่นักสร้างราคาหุ้นชอบมักจะมีคุณสมบัติดังนี้ครับ

1.Market cap น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
2.ผู้ถือหุ้นใหญ่ ร่วมมือ หรือไม่ขัดขวาง
3.ราคาต่ำ 10 
4.มี story หรือการคาดการณ์ในทางบวก (หรือลบ)
5.ขาดทุนอยู่ หรือไม่จ่ายปันผล

ซึ่งทำให้นักลงทุนสถาบันและต่างชาติ ไม่อยากจะมายุ่งครับ

6.นักสร้างราคาหุ้นไม่ได้ทำไปเพื่อการกุศล ในกรณีทุบหุ้น ก็จะทำพร้อมๆการปล่อยข่าวร้ายจริงๆ แต่ทุบราคาให้ต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่แท้จริง และคุมให้มี supply หุ้นอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ราคาหุ้นขึ้นไปก่อน ซึ่ง supply นี้อาจมาได้จากหลายทาง ทั้งหุ้นที่เก็บไว้เดิม การยืมหุ้นมา short การโยนกันไปมา การร่วมมือของผู้ถือหุ้นใหญ่ และ supply จากเม่า ในทางตรงข้าม การปั่นหุ้น ก็จะทำพร้อมๆกับข่าวดีจริงๆ แต่ปั่นไปจนให้ราคาเกินกว่าราคาพื้นฐาน และคุมให้มี demand เทียมอยู่ตลอดเวลา รอจนเม่าเข้ามาผสมโรง เจ้าก็จะจัดหุ้นที่ต้องการจะขายให้ ทั้งหมดนี้ อาจจะต้องทำการดึงๆเย่อๆกันอยู่หลายที

7.การสร้างราคาเทียมทั้งขึ้นและลงจะมาพร้อมปริมาณการซื้อขายเทียมด้วยเสมอ ดังนั้นหุ้นที่เจ้าเข้าจึงมักจะขึ้น turn over list ถ้ารักสนุก อย่าลืมเข้าให้ไว ออกให้ทันละกัน 


สุดท้ายผมขอฝากนักลงทุนรายย่อยไว้ว่า อย่าสนับสนุนบุคคลที่มีพฤติกรรมการสร้างราคาหุ้นด้วยการผสมโรงซื้อหรือขายไปด้วยเลยครับ มันเป็นการลดเสถียรภาพของตลาดทุน ลดความน่าเชื่อถือของการลงทุนระยะยาว อย่าเห็นแก่เศษไส้เดือนที่อยู่ในเบ็ดที่เขาเอามาล่อเลยครับ นักสร้างราคาหุ้นไม่ได้ทำทั้งหมดนี้ไปเพื่อการกุศล เป็นปลาที่คิดเอง หากินเองดีกว่า แม้อาจจะโตได้ช้า แต่ว่าจะอยู่รอดไปได้นานครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)