รายจ่ายของคนหนึ่ง คือรายรับของอีกคน

ความเข้าใจในพื้นฐานของหลักการทางเศรษฐศาสตร์ จะสามารถช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติในระบบเศรษฐกิจและการลงทุนได้อย่างลึกซึ้ง จุดมุ่งหมายสำคัญของระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะมีขนาดเท่าใด หรือใช้ระบบใดก็ตาม คือการพัฒนาอยู่ดีกินดีและพัฒนามาตรฐานการครองชีพของคนในสังคม การที่ประชาชนจะอยู่ดีกินดีได้ เราก็ต้องมีความสามารถไปซื้อหรือบริโภคสินค้าที่ดี เช่น อาหารที่ดี ที่อยู่อาศัยที่ดี การรักษาโรคที่ดี เช่นนี้เป็นต้น เนื่องจากเราไม่สามารถผลิตของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการใช้ได้เองทั้งหมด ดังนั้นการที่เราสามารถมีเงินเพิ่มขึ้น เพื่อจะสามารถมีรายจ่ายได้เพิ่มขึ้น คือการพัฒนาการอยู่ดีกินดีในสังคมอย่างหนึ่งนั่นเอง 

หากเราอยากมีรายจ่ายเพิ่ม เราก็ต้องมีรายรับเพิ่มขึ้นด้วย หากรายรับเราเพิ่ม แปลว่าใครบางคนก็ต้องจ่ายเราเพิ่มเหมือนกัน คนที่จ่ายเราเพิ่ม ก็ต้องรับมาเพิ่มอีก แล้วสุดท้าย ใครเป็นคนแรกสุดที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น แล้วเขาเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้เราทุกคน

คนแรกสุดในระบบเศรษฐกิจที่จ่ายเงินเลี้ยงดูให้เราทุกคนคือโลกใบนี้ คนตัดไม้มาขายย่อมได้เงิน รายจ่ายของเขามีค่าแรงงานและค่าเสียเวลา ส่วนรายรับก็คือค่าไม้ท่อนนั้น คนที่ซื้อไม้จากคนตัดไม้ไปทำเก้าอี้ ก็ต้องมีรายรับจากเงินขายเก้าอี้ คนที่ซื้อเก้าอี้ไปใช้ เขาอาจเอาไปทำร้านอาหาร หรือขยายร้านให้ใหญ่โตขึ้น แล้วเก็บเงินจากลูกค้า สุดท้ายหากคนตัดไม้คนเดิมเข้าไปกินอาหารในร้าน เงินก็หมุนครบหนึ่งรอบ โดยมีคนหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมและเกิดกิจกรรมต่างๆขึ้นมามากมาย การอยู่ดีกินดีขึ้นของคนในสังคมจะเกิดขึ้นได้ มองในอีกแง่หนึ่งคือทุกคนต้องทำงานให้มากขึ้น จึงจะสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในสังคมได้

ทีนี้หากเราเป็นคนตัดไม้แล้วเราอยากจะรวย ทำไงดี? เราก็ต้องตัดไม้เยอะๆ แค่นั้นไม่พอ เราก็ต้องให้คนทำเก้าอี้สั่งซื้อไม้ของเราให้เยอะๆ จะทำอย่างนั้นได้ ร้านอาหารก็ต้องขยายร้านหรือที่นั่งเพิ่มเยอะๆ ร้านอาหารจะขยายร้านได้ก็ต้องมีคนมากินเยอะๆ กิจกรรมทั้งหมดจะต้องหมุนด้วยวงที่ใหญ่ขึ้นหรือเร็วขึ้น ต้นไม้ที่หายไปมากขึ้น เก้าอี้มากขึ้น และคนตัดไม้ที่อ้วนขึ้น และทุกคนต้องทำงานมากขึ้น หากคนตัดไม้อยากมีเงินมากขึ้นเพียงหนึ่งคน

แล้วเกิดจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทุกคนอยากรวยขึ้น ใครจะจ่ายให้เรา เศรษฐีระดับโลกทุกคนที่มีความมั่งคั่งมากๆ แม้แต่เราทุกคนที่มีเงินกินใช้ในแต่ละวัน ไม่ใช่ว่าเรารวยขึ้นโดยไม่มีใครเดือดร้อน มันเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ของการถ่ายโอนความมั่งคั่ง จากโลกใบนี้ มาให้เราทุกคนเท่านั้นเอง เรารวยขึ้นมีรายรับมากขึ้น เมื่อไล่ๆไปจนจบรอบของเงินแล้ว สุดท้ายก็ต้องไปจบที่ต้นไม้ ถ่านหิน เหล็ก หรือน้ำมัน ถ้าวันไหน โลกของเราล้มละลาย ไม่มีเงินจ่ายให้เราแล้ว ความมั่งคั่งของรวมเราจะไม่มีค่าอะไรอีกต่อไป มันจะไม่เป็นการร่ำรวยที่ยั่งยืนได้ หากเราไม่เสียสละบางส่วนของเรา จ่ายกลับคืนให้โลกใบนี้บ้าง

เราควรจะต้องเป็นเครื่องมือของความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้นหรือ เราแข่งกันมั่งมี มองในอีกมุมหนึ่งก็คือแข่งกันร่วมมือกันปล้นโลก ถ้าเราเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น มองจากอวกาศลงมา โลกเราคงเหมือนกับรังปลวกขนาดใหญ่ ที่มีปลวกอาศัยอยู่กันอย่างมหาศาล จนสิ่งมีชีวิตอื่นเริ่มอยู่กันไม่ได้ และปลวกเหล่านี้ก็กำลังกัดกินต้นไม้กันอย่างเมามัน

ก่อนจะบริโภคสิ่งต่างๆต่อไปอย่างไร้สติ ตามค่านิยมของสังคมและคำโฆษณา จากแผนการอันแยบยลของกลุ่มคนที่ร่ำรวยจากการสมรู้ร่วมคิดกันปล้นโลกใบนี้ เราหันมาคิดกันสักนิดมั้ย ว่าสิ่งนั้นให้ประโยชน์คุ้มค่ากับเราไหม เราต้องการมากขนาดนั้นจริงๆหรือ ผมไม่ได้บอกว่าเราจะต้องไม่กินไม่ใช้อะไรกันแล้ว แต่เราต้องบริโภคอย่างสร้างสรรค์ นั่นคือ บริโภคสิ่งหนึ่ง แล้วต้องนำมาสร้างอีกสิ่งหนึ่ง ให้เกิดการหมุนเวียนต่อเนื่องของอรรถประโยชน์อย่างยาวนานและต่อเนื่องไปสู่คนอื่นๆในสังคม สุดท้ายมันก็จะหมุนเวียนไปจนครบ และคืนกลับไปให้โลกของเราด้วย เราทุกคนก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนโลกนี้มากนัก หรือหากจะดีกว่านั้น เราคืนมันกลับไปให้โลกของเราบ้าง อย่างเช่นที่เราได้ทำไปแล้วในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ความสุขความสบายนั้นล้วนเป็นที่ต้องการของมนุษย์ทุกคน แต่บางครั้ง ความสุขของเราอาจไม่ต้องจบลงด้วยการได้บริโภค ความจริงที่ไม่มีในโฆษณาคือว่า ความสุขนั้นสามารถหาได้ภายในใจของเราเอง ความสุขชนิดนี้ยังสามารถส่งผ่านให้ผู้อื่นอย่างต่อเนื่องและยาวนานได้ โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนโลกแต่อย่างใด 


รายจ่ายของคนหนึ่งคือรายรับของอีกคน ดังนั้นเมื่อเราจะใช้จ่ายครั้งถัดไป อย่าลืมจ่ายคืนไปให้โลกของเราบ้างครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ราคา คุณค่า กับ มูลค่า (Price, Value and Worth)

การลงทุนกับการเลี้ยงวัว

ข้อมูล หรือ ข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น (Information, Fact or Opinion)